“มาสด้า” เปิดตัว New Mazda3 สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์-หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า

( 14-02-2022 ) “มาสด้า” เปิดตัว New Mazda3 พบกับอีกระดับกับสีภายนอกเทรนด์ใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ราคาเริ่มต้นเพียง 979,000 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ กับดอกเบี้ย 1.99% และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี

-ราคาจำหน่าย New Mazda3 ทั้งรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู จำหน่ายในราคาเดียวกัน New Mazda3 รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports ราคา    979,000 บาท /รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports ราคา1,069,000 บาท และรุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports      ราคา  1,198,000 บาท

-เพิ่มไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature และไฟท้ายแบบ LED Signature ในรุ่น 2.0 C และ 2.0 S ช่วยให้สามารถขับขี่ได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน /ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS ในรุ่น 2.0 C และ 2.0 S /ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง ในรุ่น 2.0 C  /ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า และ Sports Paddle Shift ในรุ่น 2.0 S /อัพเกรดความเร็วสูงสุดของระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS สามารถทำงานได้ถึง 145 กม./ชม./ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง /เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง /เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 /เทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE กว่า 12 ระบบ

-New Mazda3 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และฟาสท์แบค 5 ประตู

-รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ได้ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานและระบบความปลอดภัยมาอย่างครบครัน อาทิ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ระบบไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, มาตรวัดดิจิตอล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด, หน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander, ระบบควบคุมความเร็วคงที่, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold, กล้องมองหลัง, ถุงลมนิรภัยรวม 7 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ พร้อมด้วยระบบ i-Activsense เพื่อมอบความปลอดภัยอย่างเหนือระดับให้แก่ผู้ขับและผู้โดยสารทุกคน

-รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports เพิ่มอุปกรณ์และเทคโนโลยีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift), วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงินโครเมียม, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ฝาปิดที่วางแก้วน้ำที่คอนโซลกลาง, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด, ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว (คุณสมบัติเพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 C)

-รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports มาพร้อมหลังคาซันรูฟไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยและสะดวกสบายที่เหนือระดับ อาทิ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ และระบบ i-Activsense อีกหลายรายการ เพื่อมอบสุนทรียภาพและความปลอดภัยไปตลอดการเดินทาง (คุณสมบัติเพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S)

-คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดรถยนต์นั่งระดับ C segment มีผู้เล่นหลักในตลาดเพียง 3 แบรนด์ มียอดขายรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 2-3 หมื่นคันต่อปี ในขณะที่มาสด้ามียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 พันคันต่อปี ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% หรือเฉลี่ยประมาณ 3 ร้อยคันต่อเดือน โดยเฉพาะรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ที่มาสด้ายังคงครองความเป็นเจ้าตลาดมาตลอดกาล นับตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกจนถึงปัจจุบัน การปรับโฉมเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้น และคัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูง ผนวกกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันถึง 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร จะส่งผลให้ Mazd3 ยังคงความสปอร์ตพรีเมี่ยมเหนือกว่ารถทุกรุ่น และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปัจจุบัน

ทั้งนี้ มาสด้าต้องขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้การตอบรับอย่างดียิ่ง จากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ CX-3 ตามด้วย Mazda2 และล่าสุดคือ CX-30 ที่มาพร้อมกับสีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ซึ่งกว่า 30% ของยอดจองทั้งหมด กลายเป็นสีที่ถูกใจลูกค้ามากที่สุด รองลงมาคือ สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ และสีแดง โซล เรด คริสตัล ซึ่งทั้ง 3 สี ที่มาสด้าผลิตขึ้นมาถือเป็นการบุกเบิกเพื่อสร้างเทรนด์ใหม่ให้กับลูกค้าในประเทศไทย และมีเฉพาะในรถยนต์มาสด้าเท่านั้น

สำหรับ Mazda3 ถือเป็นยนตรกรรมเจเนอเรชั่นใหม่ที่เป็นดั่งต้นแบบของความสง่างาม ซึ่งเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยมาแล้วทั้งหมด 4 เจเนอเรชั่น โดยเจเนอเรชั่นแรก วางจำหน่ายระหว่างปี 2547-2554 มียอดขายสะสมกว่า 30,000 คัน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์มาสด้าอย่างสิ้นเชิง ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 วางจำหน่ายระหว่างปี 2554-2557 มียอดขายสะสมกว่า 15,000 คัน ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เริ่มวางจำหน่ายระหว่างปี 2557-2563 มียอดขายสะสมกว่า 32,000 คัน และเจเนอเรชั่นล่าสุด ที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยยอดขายสะสมกว่า 8,000 คัน ซึ่งทำให้ปัจจุบันมีรถยนต์ Mazda3 อยู่ภายใต้การครอบครองของลูกค้าในประเทศไทยแล้วกว่า 85,000 คัน และอยู่ในการครอบครองของลูกค้าทั่วโลกรวมแล้วกว่า 6.9 ล้านคัน

-คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การแนะนำรถยนต์นั่ง New Mazda3 ในครั้งนี้ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ “AWAKENING YOUR SOUL” เป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมใหม่ ที่ปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในแบบคุณให้มีชีวิต เติมเต็มเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยดีไซน์ที่สะกดสายตาในทุกมุมมอง ดีไซน์ภายนอกที่ยังคงความสง่างาม สปอร์ตพรีเมี่ยม ภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion ที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นลง แต่คงไว้ซึ่งความเรียบหรู ทรงพลัง ดุจการเติมจิตวิญญาณให้ยนตรกรรมมีชีวิต ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ในรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ยังคงแบบอย่างการดีไซน์อันมีเอกลักษณ์เสมือนงานศิลปะชิ้นเอก โดดเด่นด้วยความสปอร์ตในทุกรายละเอียด เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ในขณะที่รุ่นซีดาน 4 ประตู ให้ความหรูหรา ปราดเปรียวอย่างมีสไตล์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความภูมิฐานสง่างามในทุกรายละเอียด พร้อมสะกดทุกสายตาให้เหลียวมอง

-สำหรับการแนะนำสู่ตลาดครั้งนี้ นับเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งแรกของ Mazda3 เจเนอเรชั่นล่าสุด เนื่องด้วยมาสด้าให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน จึงได้พัฒนารถรุ่นนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบในเรื่องของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความสง่างามที่ลูกค้าทั่วโลกให้การยอมรับ โดยเพิ่มออฟชั่นและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันเหนือระดับตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น คือรุ่น 2.0 C/C Sports อันได้แก่ ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะขับเวลากลางวันหรือในเวลากลางคืน

-นอกจากนี้ มาสด้ายังได้เพิ่มระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า, Sports Paddle Shift, ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature และ ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS เข้ามาในรุ่น 2.0 S/2.0 S Sports รวมถึงยกระดับภาพลักษณ์ความสปอร์ตหรูที่เหนือกว่ากับหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า และระบบระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS ในรุ่น 2.0 SP/ 2.0 SP Sports อีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ New Mazda3 ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่ ที่จะมาสะกดสายตาทุกมุมมอง กับสีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ผนวกกับสมรรถนะของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน จึงทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมาสด้าเชื่อว่าจะตอบรับความต้องการของผู้บริโภคในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ได้เป็นอย่างดี

ภายในห้องโดยสารยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสปอร์ตหรูมีระดับ พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียดเสมือนงานทำมือ (Hand-Crafted Design) ทั้งการออกแบบและการคัดสรรวัสดุอย่างประณีตดุจงานศิลปะที่มีแนวทางเฉพาะตัว พร้อมมอบความรู้สึกถึงความสะดวกสบายที่เหนือกว่ากับเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิตอล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลแบบสี MID และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ซึ่งทุกองค์ประกอบได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงการใช้งานและประโยชน์ของมนุษย์เป็นหลักตามปรัชญา Human Centric Philosophy เพื่อมอบความสะดวกสบายและปลอดภัยให้กับผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง

-New Mazda3 ยังมอบความเร้าใจด้วยถ่ายทอดจิตวิญญาณความสปอร์ตของผู้ขับขี่ ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ให้พละกำลังสูงถึง 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันได้ถึง E85 ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กม./ลิตร* และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับระบบส่งกำลังอัจฉริยะ SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ที่ให้การตอบสนองแม่นยำในทุกรอบความเร็ว พร้อมแมนนวลโหมด Activematic มอบความสนุกเร้าใจอีกระดับ

-นอกจากนี้ New Mazda3 ยังคงส่งมอบความมั่นใจและความเพลิดเพลินสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยการพัฒนารถยนต์ตามหลักปรัชญา จินบะ อิไต (Jinba Ittai) ที่ให้คนกับรถเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมถึงแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ที่ได้รับการพัฒนาจากท่วงท่าการเดินของมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและมีสมดุล เพื่อพัฒนารถยนต์ที่ให้ความรู้สึกเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย พร้อมด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมอบความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง

-New Mazda3 ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด กับMazda Connect ที่ครบครันทุกฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย หรือ รับ-ส่ง SMS ผ่านสัญญาณ Bluetooth เพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลได้มากยิ่งขึ้นด้วย Apple CarPlay® และ Android Auto™* ที่สามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน สามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญๆ โดยแสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมมอบความสุนทรีย์ที่เหนือระดับด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง

-New Mazda3 มาพร้อมเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ที่ช่วยป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากมายหลายระบบ ประกอบด้วย /ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) /ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) /ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Reverse Crossing) /ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS (Adaptive Front-Lighting System) /ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)/ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane Keep Assist System)/ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)/ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse) /ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)/ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)/ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support)/ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) /ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง

Previous Article

“อาวดี้” เปิดตัวปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด Q7 และ Q8 

Next Article

“เอ็มจี” เตรียมเปิดตัวรถ EV 100% ลงตลาดอย่างน้อย 3 รุ่นในปีนี้ 

You might be interested in …

“โตโยต้า” ย้ำความเป็นผู้นำด้าน xEV งาน MOTOR EXPO 2022

( 02-12-2022 ) “โตโยต้า” ย้ำความเป็นผู้นำด้าน xEV ขับเคลื่อนสู่อนาคต พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษส่งท้ายปี! ในงาน “มหกรรมยานยนต์” ครั้งที่ 39 และที่โชว์รูมโตโยต้า -คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน […]