( 21-12-2023 ) “โตโยต้า” สรุปตลาดรถยนต์พฤศจิกายนยังชะลอตัวต่อเนื่อง 9.8% ยอดขาย 61,621 คัน รถเก๋งโต 21.2% สวนทางปิกอัพหดตัว 38.8% รอลุ้นยอดจองมอเตอร์เอ็กซ์โป
–ภาพรวมของตลาดรถยนต์พฤศจิกายนยังชะลอตัวต่อเนื่องที่ 9.8% ด้วยยอดขาย 61,621 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 21.2% ด้วยยอดขาย 24,567 คัน โดยอีโคคาร์เป็นเพียงเซกเมนท์เดียวที่มีการเจริญเติบโตที่ 32.2% ด้วยยอดขาย 18,783 คัน ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องที่ 22.8% ด้วยยอดขาย 37,054 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน หดตัวถึง 39.1% ด้วยยอดขาย 22,104 คัน ปัจจัยหลักเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่เติบโตได้ตามที่คาดการ ความมั่นใจผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว โดยมีอุปสรรคสำคัญคือความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ อันเป็นผลมาจากความกังวลต่อความสามารถในการผ่อนชำระของผู้รับสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน
–ตลาดรถยนต์ธันวาคมมีความหวังฟื้นตัวขึ้นตามฤดูกาลขาย “High season” โดยมีความหวังสำคัญคือแคมเปญกระตุ้นตลาดช่วงสุดท้ายของปีในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2023 ซึ่งสามารถกวาดยอดจองรถทุกยี่ห้อในงานตลอด 14 วัน ได้ถึง 53,248 คัน เติบโตขึ้นถึง 45.17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่ายอดจองเหล่านี้จะมาผลักดันตลาดรถยนต์เดือนธันวาคมให้เติบโตขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2566
- ตลาดรถยนต์รวมปริมาณการขาย61,621 คัน ลดลง 9.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,700 คัน ลดลง 11.6 % ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,415 คัน ลดลง 37.1% ส่วนแบ่งตลาด 16.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,328 คัน เพิ่มขึ้น 0.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.9%
- ตลาดรถยนต์นั่งปริมาณการขาย24,567 คัน เพิ่มขึ้น 21.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,512 คัน ลดลง 10.6% ส่วนแบ่งตลาด 30.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,928 คัน ลดลง 11.5% ส่วนแบ่งตลาด 16.0%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 872 คัน ลดลง 41.4% ส่วนแบ่งตลาด 3.5%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ปริมาณการขาย37,054 คัน ลดลง 22.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 14,188 คัน ลดลง 12.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,415 คัน ลดลง 37.1% ส่วนแบ่งตลาด 28.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 3,400 คัน เพิ่มขึ้น 17.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)ปริมาณการขาย 22,104 คัน ลดลง 39.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 9,377 คัน ลดลง 39.0% ส่วนแบ่งตลาด 42.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 8,544 คัน ลดลง 37.3% ส่วนแบ่งตลาด 38.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,324 คัน ลดลง 51.6% ส่วนแบ่งตลาด 10.5%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,251 คัน
อีซูซุ 1,500 คัน – โตโยต้า 1,422 คัน – ฟอร์ด 845 คัน – มิตซูบิชิ 406 คัน – นิสสัน 78 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย17,853 คัน ลดลง 38.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 7,877 คัน ลดลง 38.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,122 คัน ลดลง 36.2% ส่วนแบ่งตลาด 39.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,479 คัน ลดลง 56.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.3%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม –พฤศจิกายน 2566
- ตลาดรถยนต์รวมปริมาณการขาย707,454 คัน ลดลง 7.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 241,844 คัน ลดลง 6.5% ส่วนแบ่งตลาด 34.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 141,671 คัน ลดลง 27.1% ส่วนแบ่งตลาด 20.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 84,516 คัน เพิ่มขึ้น 13.4% ส่วนแบ่งตลาด 11.9%
- ตลาดรถยนต์นั่งปริมาณการขาย266,365 คัน เพิ่มขึ้น 10.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 92,034 คัน เพิ่มขึ้น 24.7% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 51,297 คัน ลดลง 8.2% ส่วนแบ่งตลาด 19.3%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 14,291 คัน ลดลง 26.1% ส่วนแบ่งตลาด 5.4%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ปริมาณการขาย441,089 คัน ลดลง 16.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 149,810 คัน ลดลง 18.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 141,671 คัน ลดลง 27.1% ส่วนแบ่งตลาด 32.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 33,219 คัน เพิ่มขึ้น 78.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%
4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 301,001 คัน ลดลง 26.9%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 127,260 คัน ลดลง 29.0% ส่วนแบ่งตลาด 42.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 118,075 คัน ลดลง 25.1% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 33,636 คัน ลดลง 11.6% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 55,806 คัน
โตโยต้า 20,318 คัน – อีซูซุ 19,531 คัน – ฟอร์ด 10,963 คัน – มิตซูบิชิ 3,930 คัน – นิสสัน 1,064 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 245,195, คัน ลดลง 30.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 107,729 คัน ลดลง 33.3% ส่วนแบ่งตลาด 43.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 97,757 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 22,673 คัน ลดลง 24.0% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%