( 28-07-2022 ) “ฮอนด้า” เตียมเปิดตัว “บีอาร์–วี ใหม่” รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง 19 สิงหาคมนี้ ในงาน Big Motor Sale 2022 วางราคารุ่น E ไม่เกิน 930,000 บาท และรุ่น EL ไม่เกิน 980,000 บาท เตรียมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 – 18 สิงหาคม 2565 พร้อมรับฟรีชุดโต๊ะพับแคมป์ปิ้ง มูลค่า 4,200 บาท
–ฮอนด้า บีอาร์–วี ใหม่ / เจเนอเรชันที่ 2 เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับระบบเกียร์ CVT ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อมอบสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ CVT อัตราการประหยัดน้ำมัน 16.1 กม./ลิตร รองรับพลังงานทางเลือก E20
-ระบบความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 และแถว 3 สามารถปรับพับได้หลายรูปแบบ / มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Smartphone และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
-มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า บีอาร์-วี เปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2558 โดยได้เข้ามาเติมเต็มไลน์อัปรถเอสยูวีของฮอนด้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ครั้งนี้ ฮอนด้า บีอาร์–วี ใหม่ พร้อมนำเสนอคุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้า ด้วยการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่ลงตัวด้วยการผสานจุดเด่นทั้งดีไซน์สปอร์ตแข็งแกร่งสไตล์เอสยูวี ความอเนกประสงค์คล่องตัวแบบรถเอ็มพีวี สมรรถนะการขับขี่ที่มั่นใจได้ อีกทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ในทุกรุ่นย่อย ห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย โดย ฮอนด้า บีอาร์-วี จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นตลาดในกลุ่มรถเอสยูวี อีกทั้งจะเป็นยนตรกรรมที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์การเดินทางรูปแบบใหม่ และพร้อมสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขในทุกการเดินทางให้แก่ทุกคนได้อย่างแน่นอน”
-ดีไซน์ภายนอก
-กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สะท้อนความโดดเด่นยิ่งขึ้นในรุ่น EL ที่มาพร้อมสี Piano Black
-กันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่ ตกแต่งสีเงิน (รุ่น EL)
-ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
-ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED (รุ่น EL)
-กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ (รุ่น EL)
-คิ้วตกแต่งสเกิร์ตข้างสีเงิน (รุ่น EL)
-ราวหลังคาตกแต่งแบบสปอร์ต
-เสาอากาศแบบครีบฉลาม
-ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว (รุ่น EL) และขนาด 16 นิ้ว (รุ่น E)
-ภายในห้องโดยสาร
-ห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่งโล่ง สะดวกสบายทุกที่นั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานและสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง
–คอนโซลดีไซน์ใหม่ ยกระดับความพรีเมียมด้วยวัสดุตกแต่งแบบ Piano Black เบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งการออกแบบช่องเก็บของอย่างเหมาะสม รวมทั้งที่วางแก้วน้ำ 8 ตำแหน่ง พร้อมพนักเท้าแขนด้านหน้าและด้านหลัง ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับผู้โดยสารทุกคน
-มาพร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
-ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
-ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยห้องเก็บสัมภาระท้ายมากขึ้นกว่าเจเนอเรชันก่อน พร้อมเบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 และแถวที่ 3 ที่สามารถปรับพับเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้หลากหลายรูปแบบ
-เบาะนั่งแถวที่ 2 มีพื้นที่ช่วงขากว้างขึ้น สามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 พร้อมพับตลบจังหวะเดียว (One Motion) โดยสามารถปรับเลื่อนหน้า-หลัง และพนักพิงปรับเอนได้ 3 ระดับ
-เบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่ช่วงขากว้างขึ้น โดยสามารถพับแยกแบบ 50:50 และพนักพิงปรับเอนได้ 2 ระดับ
-มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว
-ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) (รุ่น EL)
-ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Smartphone และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
-พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
ช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง (รุ่น E) และ 3 ตำแหน่ง (รุ่น EL)
ลำโพง 4 ตำแหน่ง (รุ่น E) และ 6 ตำแหน่ง (รุ่น EL)
ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ* อาทิ
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติตามความเร็วรถ (Auto Door Lock By Speed)
ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
กล้องส่องภาพด้านหลัง
ถุงลม 6 ตำแหน่ง (รุ่น EL)
สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD)
โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON และ ACETM ช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)